กว่าจะมาถึงในวันนี้  


เป็นเวลาหลายปีที่ผมได้ใช้เวลาในการพัฒนา แนวทางการถ่ายภาพที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่น กับภาพนิ่งของผู้คน รวมถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมหรือภูมิประเทศที่แตกต่างกัน

ความสุขของผมคือการที่ได้เห็นโลกผ่านเลนส์ถ่ายภาพ ผมประทับใจในวิธีการบันทึกช่วงเวลาพิเศษด้วยภาพแต่งงานและการถ่ายภาพบุคคล ภาพถ่ายที่ประเมินค่าไม่ได้เหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมีความทรงจำที่เปี่ยมล้นด้วยความสุขและภาพถ่ายยังช่วยให้ระลึกถึงความทรงจำถึงเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีอีกด้วย .

แต่ผมกลับเริ่มต้นชีวิตด้วยเส้นทางอื่นที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ผมเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและออสเตรเลียโดยสำเร็จการศึกษาด้านการบัญชี สารสนเทศ และการบริหารธุรกิจ 

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต ทำให้ผมมีโอกาสได้สำรวจความสนใจในการถ่ายภาพของตัวเอง  ในปี พ.ศ. 2553 ผมถูกปลดออกจากงานเนื่องจากวิกฤตการเงินโลก และไม่นานหลังจากนั้นการพังทลายของความสัมพันธ์กับคนรักส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจทำให้ผมตั้งรับไม่ทันและอยากจะหนีไปให้พ้น ผมตัดสินใจเดินทางไปประเทศไต้หวันร่วมกับพ่อแม่ของผม เหตุการณ์คราวนั้นได้กลายเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ผมซื้อกล้องตัวแรกคือ Leica D'LUX 5 หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติไต้หวันไม่นาน จากนั้นผมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับงานอดิเรกใหม่และเริ่มการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองมีสายตาที่เฉียบแหลมด้านสุนทรียศาสตร์ในขณะที่ออกไปตระเวนการถ่ายรูปตามท้องถนนในท้องถิ่น และเมื่อเวลาผ่านไปผมก็ค่อย ๆ ซึมซับจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ของช่างภาพทีละเล็กละน้อย 

ผมรู้สึกโชคดีดังฟ้าประทานที่งานถ่ายภาพในฐานะช่างภาพครั้งแรกของผมนั้นได้ทำงานร่วมกับเพื่อนที่ดีอย่าง ไมเคิล ซาเน็ทติ (Michael Zanetti)  ไมเคิลเป็นช่างภาพงานแต่งงานที่ได้รับรางวัลของนครซิดนีย์ ซึ่งเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจการถ่ายภาพ การทำงานกับเขาทำให้ผมได้สัมผัสกับอาชีพในฝันเป็นครั้งแรก แต่เมื่อผมกลับมาประเทศไทย โลกแห่งความจริงก็เริ่มคืบคลานเข้ามาหาและผมก็ได้ตระหนักว่าความเป็นไปได้ที่สำคัญของผมในตอนนั้นคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และงานบริการ แน่นอนว่าความฝันของผมคงจะต้องรอไปอีกสักระยะ .

เมื่อหัวใจของผมถูกบังคับให้ออกจากกรอบ ผมวางกล้องลงเพื่อมุ่งสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในโลกธุรกิจด้วยการเอาใจออกห่างจากการถ่ายภาพ แม้ว่าผมจะคิดถึงการอยู่หลังกล้องเป็นอย่างยิ่งก็ตาม ผมปรารถนาที่จะได้อยู่ตามท้องถนนที่รายล้อมตัว เพื่อแสวงหาภาพนิ่งและเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาที่ช่วยผลักดันถ่ายภาพถ่ายให้เหนือกว่าการพัฒนา

การคงไว้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ของผมนั้นทำให้ผมตระหนักได้ในทันทีว่าเพื่อที่จะได้มีความสุขอย่างแท้จริง ความปรารถนาของผมจะต้องถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่ด้วยความหลงใหลในชีวิต ดวงตาที่สดใส และเลนส์ไวด์ ผมไล่ตามความหลงใหลในการถ่ายภาพโดยใช้แสงและเวลาเป็นวัตถุดิบ แล้วผมก็เริ่มหันมาสนใจงานด้านวารสารศาสตร์ซึ่งเป็นการจุดประกายการเป็นช่างภาพมืออาชีพของผม


ในการถ่ายภาพนั้นองค์ประกอบแห่งความเป็นจริงจะถูกแบ่งอย่างไม่สิ้นสุด 

การได้ค้นพบความหลงใหลในการถ่ายภาพแนวสตรีทอีกครั้ง ทำให้ผมได้ค้นพบตัวเองอีกครั้งในกระบวนการนี้  ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ผมพบว่าจุดสนใจของผมถูกดึงดูดไปยังองค์ประกอบที่คลุมเครือของฉากที่ปลุกชีวิตชีวา  การระบุองค์ประกอบเหล่านี้ในภาพถ่ายมีความหมายเหนือกว่าความสำคัญของฉากใด ๆ ที่ผมถ่าย  การเข้าใกล้การถ่ายภาพแนวสตรีทด้วยวิธีนี้ได้เปิดโลกใหม่ให้กับผมและทำให้ผมได้ก้าวเดินบนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่เหนือความคาดหมาย

ในช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำกับการถ่ายภาพแนวสตรีทอย่างจริงจังนี้ ผมก็ได้เริ่มสนใจในการถ่ายภาพแบบศิลปะนามธรรม  ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนเลนส์เพื่อมุ่งเน้นไปที่ความคิดใหม่ ๆ ที่จุดประกายขึ้นมาในหัว

ขณะที่ผมเดินไปตามถนนกับกล้องคู่ใจส่องเลนส์ ช่วงเวลาแห่งความงาม ความแปลกประหลาด ความลึกลับ และอารมณ์ขันชั่วขณะ สีเข้ม ความอิ่มตัว ความสดของสี แสงธรรมชาติ แสงนีออน เงา และลวดลายของพื้นผิวที่น่าสนใจ ทำให้ผมพบว่าการเน้นองค์ประกอบนามธรรมของภาพเหล่านี้ดึงดูดใจผมมาก การมองดูภาพแล้วไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคุณกำลังมองอะไรอยู่นั้น เป็นการเปิดใจสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการรับรู้สิ่งต่างๆ

แม้ว่าผมจะสร้างชื่อของตัวเองในด้านการถ่ายภาพแล้ว แต่ก็ไม่ต้องการที่จะจำกัดตัวเองให้อยู่แค่สื่อในการแสดงออกเพียงอย่างเดียว  ดังนั้นฉันผมจึงทดลองกับแนวคิดและเทคนิคการถ่ายภาพใหม่ๆ  ซึ่งมันได้ทำให้ผมจัดการแสดงผลงานครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ ILFORD Galerie Bangkok หลังจากเปิดตัวนิทรรศการได้ไม่นานผมก็สามารถขายงานศิลปะชิ้นแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาและผมเลือกที่จะบริจาครายได้ให้กับ The Association Community Employment Programs for the Homeless (ACE) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อส่งเสริมชุมชนคนไร้บ้านและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน  

ในขณะที่อาชีพการถ่ายภาพของผมกำลังก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ นั้น ผมยังคงทำงานโดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นอารมณ์และสร้างความประทับใจส่วนตัว ผมหวังว่าเรื่องราวเบื้องหลังความพยายามของแต่ละโปรเจคนั้นจะสามารถช่วยผู้อื่นในการรับรู้ศิลปะมากขึ้นได้ ซึ่งผมพยายามที่จะปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป 

แรงจูงใจของผมสำหรับผลงานชิ้นล่าสุดที่ชื่อ ภาพลวงตา (Illusion) มาจากการเน้นที่ความเป็นอยู่ที่ดีและความสามารถในการจัดการในสถานการณ์ที่ยากลำบาก  ขณะที่โลกพยายามฟื้นตัวจากปีแห่งความหายนะที่ผ่านไป ผมได้ตั้งคำถามถึงสภาพของความเป็นจริงและวิธีเปลี่ยนรูปแบบของความเป็นจริง  





โปรดติดตามตอนต่อไป ...

BRYCE | ไบรซ์ วัฒนโสภณวงศ์

The Visual Art Photography Hub of BRYCE Watanasoponwong
Website via Visura

BRYCE | ไบรซ์ วัฒนโสภณวงศ์ is integrated to:
Visura site builder, a tool to grow your photography business
Visura's network for visual storytellers and journalists
A photography & film archive by Visura
Photography grants, open calls, and contests
A newsfeed for visual storytellers